หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

Gameplay Trailer ความยาว 17 นาที เกม Battlefield 4




วิดีโอ Battlefield 4: Official 17 Minutes "Fishing in Baku" Gameplay Reveal -eavision

ค่ายเกม EA เผยแพร่วิดีโอประชาสัมพันธ์ แบบโชว์การเล่นอย่างเป็นทางการตัวแรกของเกม Battlefield 4 หลังจากประกาศเกมไปเมื่อเดือนกรกฏาคม ปี 2012 ในวิดีโอผู้ชมจะได้พบกับฉากการเล่นในโหมด Campaign ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยตัวเกมที่รังสรรค์จากเอนจิ้น Frostbite 3 ความยาวถึง 17 นาที

เกมกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยสตูดิโอ DICE รองรับโหมด Single Player และ Multiplayer มีกำหนดการวางจำหน่ายเบื้องต้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2013 (ช่วงปลายปี) เป็นเกมแพลทฟอร์ม PC, PS3, Xbox 360 และมีข่าวว่าจะทำลงแพลทฟอร์ม Console รุ่นถัดไปอย่าง PS4 และ Xbox ใหม่ ด้วย

ข่าวเก่าที่เกี่ยวข้อง

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ASUS ARES II

ASUS ARES II



                 ไม่เคยหลับไหลแบบจริงๆจังๆเสียเลยสำหรับตลาดกราฟิกการ์ด มันยังคงมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ล่าสุดที่สามารถกลับมาสร้างกระแสความคึกคักให้กับวงการเกมส์พีซีกับการเปิดตัวกราฟิกการ์ดสุดแรงในแบบ Single GPU จากทาง nVidia ภายใต้รหัส Titan หรืเต็มๆว่า nVidia GTX Titan ที่แม้แต่ชื่อก็มาแปลกกว่าทุกครั้ง เพราะโดยปรกตินั้นมันจะต้องมาในรหัสที่เป็นตัวเลขเป็นหลัก และการมาของ Titan นั้นก็เป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ความแรงสำหรับการ์ดจอในแบบ Single Card, Single GPU เพื่อกู้หน้าให้กับ GTX 680 เริ่มจะเสียแชมป์ให้กับ HD 7970 GHz Edition จากทาง AMD หลังจากที่ AMD ปล่อย Driverเวอร์ชัน 13.xx ออกมา แต่กระนั้นความคึกคักที่ว่านั้นไม่ทันจะจางหาย ASUS ก็กลับมาสร้างความฮือฮาครั้งใหญ่อีกครั้ง สำหรับการเปิดตัวกราฟิกการ์ดในระดับที่อาจจะกล่าวได้เลยว่า " การ์ดใบเดียวที่แรงที่สุดในโลก " กับการเปิดตัวของเทพเจ้าแห่งสงครามหรือ ARES ที่ครั้งนี้ก็มาในเวอร์ชันที่สองหรือ ARES II นั่นเอง สำหรับความเป็นมาของกราฟิกการ์ดในตระกูล ARES จากทาง ASUS นั้น เราพบเห็นเป็นครั้งแรกกเกือบๆจะ 3 ปีมาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นก็ถือว่าประสบผลสำเร็จไปอย่างสวยงาม ด้วยการผลิตกราฟิกการ์ดในแบบ Dual GPU, Single Card จากการนำชิบเรือธงแบบไม่ลดสเป็คมา ซึ่งก็จะแตกต่างไปจากการ์ดในตระกูล X2 หรือ Official จากทางผู้ผลิตที่แม้ว่าจะใช้ชิบเรือธง แต่ก็จะมีการลดสเป็คบางส่วนลงจึงทำให้ได้รับความแรงแบบที่อาจจะยังไม่สะใจขาโหดนัก ดังนั้น ASUS จึงจัดให้กับ ARES ที่มาพร้อมกับชิบกราฟิกในตระกูล CypressXT หรือในยุคสมัยของ AMD Radeon HD 5870 ที่เสมือนกับว่าเจ้า ARES นั้นก็คือ HD5870 จำนวนสองใบ Crossfire กับบนการ์ดใบเดียวแท้ๆ เน้นๆ เต็มๆ แถมยังมีการเพิ่มความจุให้กับแรมที่มีมามากถึง 4GB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคสมัยดังกล่าว สำหรับเรื่องราวของ ASUS ARES นั้นใครที่ยังไม่เคยพบเห็นหรือไม่ทราบถึงเรื่องราวตรงจุดนี้มาก่อน ก็สามารถย้อนกลับไปชมความแรงเมื่อกว่าร่วมๆ 3 ปีก่อนได้จากบททดสอบ >> ที่นี่ << จากนั้นในวันนี้เราก็มาทำความรู้จักกันต่อกับ ASUS ARES II มาติดตามดูกันว่าการกลับมาอีกครั้งของกราฟิกการ์ดในระดับ Limited Edition ที่มีเพียง 1000 ตัวในโลกโมเดลนี้ มันจะมีความน่าพิศวาสน่าหลงไหล รวมทั้งความแรงจะน่าสพรึงกลัวสักเพียงไร ว่าแล้วก็ไปทำความรู้จักกับมันเลยแล้วกันครับ...


About ASUS ARES II



Features/GPU
ASUS ARES II
RADEON HD7970 GHz Edition
RADEON HD7970
nVidia GTX680
Codename
2xTahiti XT
Tahiti XT
Tahiti XT
GK104
Transistor Count (Millions)
4313
4313
4313
3500 million
Fabrication Process
28 nm
28 nm
28 nm
28 nm
Die size (mmˆ2)
365 mmˆ2
365 mmˆ2
365 mmˆ2
294 mmˆ2
Memory (Max)
6GB(2x3GB)
3GB
3GB
2GB
Uni Shader
2x2048
2048
2048
1536
Core Speed
1050 MHz
1000 MHz
925 MHz
1006 MHz
GPU Boot Speed
1100 MHz
1050 MHz
n/a
1058 MHz
Memory Speed
6600 MHz
6000 MHz
5500 MHz
6008 MHz
Maximum Fill Rate (MTexels/s)
140800
134400
118400
128800
Memory Bus Width
2x384-bit
384-bit
384-bit
256-bit
Memory Type
GDDR5
GDDR5
GDDR5
GDDR5
Max Memory Bandwidth
316.8 GB/s
288 GB/s
264 GB/s
192.3 GB/s
Multi-GPU Support
Yes,
CrossfireX
Yes,
CrossfireX
Yes,
CrossfireX
Yes,
2/3/4Way SLI
DirectX Version Support
11.1
11.1
11.1
11
OpenGL Version Support 
4.2
4.2
4.2
4.2
Bus Type
PCI-E 3.0
PCI-E 3.0
PCI-E 3.0
PCI-E 3.0
GamePC


                 หลังจากพอจะทราบไปบ้างแล้วพอสังเขปสำหรับ ASUS ARES ตัวแรกว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความโดดเด่นในจุดไหนบ้าง คราวนี้กับเรื่องราวในวันนี้เราก็มาทำความรู้จักกับ ASUS ARES II กัน ซึ่งถ้ามองจากลักษณะของโครงสร้างหลักหรือจุดเด่นนั้น มันก็คือกราฟิกการ์ดในตระกูลที่เรียกกันปากว่า X2 ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ก็ได้เลิกใช้ชื่อดังกล่าวนี้ไปแล้ว สำหรับที่มาที่ไปนั้นของ ARES II นั้นว่ากันง่ายๆเลยมันก็คือ AMD Radeon HD 7990 ในแบบที่ทาง ASUS ได้ออกแบบเองทั้งหมดยกเว้น GPU คล้ายๆกับที่มีผุ้ผลิตบางเจ้าได้มีออกมาให้เลือกใช้งานบ้างแล้วในลักษณะเดียวกันนี้ ทั้งนี้ก้เพราะว่าทาง AMD นั้นยังไม่มีการเปิดตัวกราฟิกการ์ดในโมเดล Radeon HD 7990 ในแบบ Official หรือ Ref. ออกมาให้ได้ใช้งานกัน แต่ก็ได้อนุญาตให้ผู้ผลิตหรือผุ้ค้าร่วมรายต่างๆสามารถนำ GPU มาผลิตเองได้จึงทำให้เกิดที่มาของ ASUS ARES II ในวันนี้ โดย ASER II นั้นมันก็เสมือนกับว่ามันคือ AMD Radeon HD 7970 สองตัวมา Crossfire กันบนการ์ดใบเดียว แถมยังมาพร้อมกับการโอเวอร์คล๊อกมาจากโรงงานอีกด้วยซึ่งทาง ASUS นั้นได้เลือกใช้ความเร็วของ GPU และ Memory ในสเป็คเดียวกันกับ ASUS Matrix HD7970 Platinum และจากข้อมูลตรงนี้ เราก็สามารถจะมองในอีกมุมได้ว่าเบื้องต้นนั้น ASUS ARES II ก็คือ ASUS Matrix HD7970 Platinum ที่ Crossfire กันมาแบบสำเร็จรูปนั่นเอง โดยจะกำหนดความเร็วของ GPU ให้ทำงานที่ความเร็ว 1050MHz และสามารถบ๊ตขึ้นไปได้ที่ 1100MHz ทางด้านความเร็วของเมโมรีนั้นก็จะยังใช้ GDDR5 ที่ความเร็ว 1650MHz หรือ 6600MHz effective ซึ่งความจุเมโมรีของ ARES II ก็มีขนาด 6GB ด้วยกันหรือ GPU ละ 3GB ตามสเป็คของ AMD นั่นเอง ส่วนในจุดอื่นๆเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกนั้น แน่นอนว่าด้วยความเป็น Limited Edition มันจะต้องมีอะไรที่พิเศษ ส่วนจะพิเศษอย่างไรบ้างนั้น เราไปติดตามชมกันต่อเลยนะครับ...


Package and Bundled









ขอเริ่มกันที่เรื่องของแพ็กเกจกันเช่นทุกครั้ง และในครั้งนี้สำหรับแพ็กเกจของ ARES II นั้นทาง ASUS ก็ยังคงสร้างความยิ่งใหญ่ให้สมกับความแรงของตัวการ์ดเช่นเดิม ทั้งเรื่องของขนาดกล่องและบรรจุภัณฑ์ภายใน โดยตัวกล่องนอกนั้นเรียกว่าใหญ่ประมาณพีซีเคสเล็กๆตัวหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งยังคงใช้ลวดลายเอกลักษณ์ของตระกูล ROG ส่วนตัวบรรจุภัณฑ์นั้นจะมาในรูปของกระเป๋าอลูมิเนียม ที่ทั้งหรูหราและแข็งแรง โดยที่มุมด้านล่างทั้งสองด้านนั้นจะมีการติดเนมเพลทระบุให้ทราบว่ามันคือ ARES และอีกด้านหนึ่งก็จะเป็น ASUS สำหรับอุปกรณ์บันเดิลที่มาพร้อมกับตัวการ์ดนั้น ครั้งนี้อาจจะแตกต่างไปจาก ARES (1) เล็กน้อยที่ว่าไม่มีเมาส์เกมส์มิ่งแถมมาให้ด้วย จะมีก้เพียงอุปกรณ์พื้นฐานทั่วๆไปเท่านั้นเอง


สิ่งที่ยังไม่ขาดหายไปเพื่อแสดงความเป็นความพิเศษให้กับผุ้ใช้งานว่าท่านมีของเทพอยุ่ในมือ โดยด้านหน้าก็จะระบุตัวเลขแจ้งให้ทราบว่า การ์ดในมือท่านเป็นการ์ดลำดับที่เท่าไหร่จากทั้งหมด 1000 ตัว ส่วนด้านหลังมีข้อความระบุประมาณว่า " การที่อยู่ในมือท่านนั้นเราขอยืนยันว่ามันจะเป็น Limited Edition ที่ผลิตมาในจำนวนจำกัดซึ่งออกแบบโดย ASUS ROG Team "


Design and Appearance



ภาพรวมของ ASUS ARES II นั้นผมเองก็คงแทบไม่ต้องบรรยายอะไรมากแล้วก็ได้ เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่ออกแบบมาอย่างดึงดูดสายตา ส่วนสีสันหลักนั้นก้มาในแบบฉบับของ ROG Series ที่จะใช้โทนสีดำ-แดง และยิ่งโดดเด่นไปอีกระดับด้วยการเลือกใช้ชุดระบายความร้อนด้วยน้ำเพิ่มเข้ามา แต่ทั้งนี้ตัวการ์ดก็จะยังคงมีพัดลมอยุ่ซึ่งทาง ASUS เรียกในจุดนี้ว่า Hybrid Cooling ส่วนรายละเอียดจะเป็อย่างไรนั้น เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันอีกครั้งนะครับ




ลองมาดูลักษณะการออกแบบในแต่ละด้านของเจ้า ASUS ARES II ตัวนี้กันบ้าง ซึ่งถ้ามองจากรูปทรงหลักนั้นบอกกันง่ายๆเลยว่า มาในรูปทรงเรขาคณิตพื้นฐาน ไม่มีโค้งเว้าใดๆซึ่งดูๆไปก็ออกแนวที่จะเรียกว่า " กล่องดินสอ " พอได้อยู่เพียงแต่ด้านหน้าหรือฝาครบด้านหน้านั้นทาง ASUS ได้มีการเซาะร่องในเชิง Vector ที่นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้วนั้น มันยังจะมีประโยชน์ในการช่วยระบายความร้อนอีกด้วย เพราะฝาครอบด้านหน้านี้ก็คือส่วนหนึ่งของชุดระบายความร้อนให้กับตัวการ์ด โดยวัสดุหลักก็จะเป้นอลูมิเนียมทั้งหมด จากนั้นบริเวณสันการ์ดด้านบนเราก็จะพบกับตัวอักษณสองชุดคือ ARES II พร้อมสัญลักษณ์ ROG ที่มันจะมีหลอด LED อยู่ภายในเมื่อเปิดใช้งานก็จะเรืองแสงสว่างไสว และอักษรอีกชุดคือ ASUS เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ทางด้านหลังก้มาพร้อมกับแผ่นอลูมิเนียม Back plate ครอบเต็มพื้นที่ตัวการ์ด ซึ่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่มันก็ยังเป็นฮีตซิงก์ให้กับเม็ดแรมที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของ PCB อีกเช่นกัน

สำหรับขนาดของตัวการ์ดนั้นพูดกันตรงๆเลยว่าใหญ่โตพอสมควร ยิ่งพอลองนำมาเปรียบเทียบกับ HD 7970 แล้วด้วยก้จะยิ่งเห็นชัดเลยว่าใหญ่โตมาก โดยความยาวก็จะยาวกว่าประมาณ 1" และสูงกว่าประมาณ 1" เช่นกัน สำหรับน้ำหนักตัวนั้นหากไม่รวมตัวหม้อน้ำ(ไม่วางบนตาชั่ง) ตัวการ์ดจะมีน้ำหนักประมาณ 2.04kg และหากรวมตัวหม้อน้ำไปด้วยก็จะมีน้ำหนักตัวรวมกว่า 2.7kg เลยทีเดียว

Monitor Connectors


สำหรับในเรื่องของการแสดงผลหรือการเชื่อมต่อจอภาพนั้นทาง ASUS ก็ได้ออกแบบมาให้มีการรองรับการใช้งาน Eyefinity ในสเต็ปสูงสุดคือ Eyefinity 6 หรือต่อจอภาพพร้อมกันได้สูงสุด 6 จอภาพนั่นเอง โดยลักษณะพอร์ทที่ใช้จะมาในลักษณะเดียวกันกับการ์ดในตระกูล Direct CU II และ MATRIX คือจะมีพอร์ท DVI จำนวนสองชุดและ Display Port อีกจำนวนสี่ชุดด้วยกัน อนึ่งสำหรับเรื่องของความหนาตัวการ์ดนั้น จากมุมนี้เราจะเห็นว่าฝาปิดหลังนั้นมาในแบบ 2 สล๊อตก็จริงแต่ตัวการ์ดจะมีความหนาเกินกว่าสองสล๊อตไปเล็กน้อยประมาณ 7mm ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเจ้า ASUS ARES II ตัวนี้จะใช้พื้นที่ในการติดตั้งไปทั้งสิ้น 3 สล๊อตด้วยกัน

Power Connectors


การเชื่อมต่อไฟเลี้ยงเพิ่มเติมจากภายนอกนั้น ด้วยความเป็นกราฟิกการ์ดในแบบ Dual GPU บนการ์ดใบเดียว ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่เราจะพบเห็นเต้ารับไฟเลี้ยงในแบบ 8pin Pci-e power จำนวน 3 ชุด ทั้งนี้ในบริเวณแผ่น PCB หลังพอร์ทรับไฟเลี้ยงก็จะมีการติดตั้ง LED ชุดละสองดวง โดยมีเอาไว้สำหรับแสดงสถาณะว่าเราได้ต่อสายไฟเลี้ยงไว้หรือยัง หรือถ้าต่อแล้วหลอด LED สีแดงสว่างก็หมายความว่า PSU หรือสายไฟอาจจะมีปัญหา แต่ถ้าไม่มีปัญหาใดๆ LED สีเขียวก็จะสว่างแทน

Multi Cards Technology


ด้านการใช้งานในโหมด Multi Card หรือ Crossfire นั้นมันก็ยังคงมีความสามารถใช้งานการ์ดเพิ่มได้อีกหนึ่งใบ ซึ่งถือว่าเต็มโควต้าของการใช้ GPU ในปัจจุบันนี้แล้วเพราะว่าเราจะสามารถใช้งาน Crossfire ได้สูงสุดเพียง 4GPUs เท่านั้น และการ์ดตัวนี้ก็มาในแบบ 2GPUs ต่อใบอยุ่แล้วดังนั้นพินสำหรับเชื่อมต่อ Crossfire Bridge จึงมีมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวนี้เราก็ยังจะพบเห็นสวิทช์เล็กๆที่คุ้นเคย สำหรับสวิทช์ที่เอาไว้เลือกตัว Bios โดยครั้งนี้มันก็มาในแบบพื้นฐานเท่านั้นคือ Main Bios และ Backup Bios ไม่ได้เป็น Bios พิเศษหรือ LN2 Bios แต่อย่างใด

Cooling Solution




มาว่ากันที่เรื่องของชุดระบายความร้อนกันบ้าง ซึ่งจากที่ได้บอกกล่าวไปแล้วว่าฝาครอบด้านหน้านั้น มันคือส่วนหนึ่งของชุดระบายความร้อนที่ไม่เพียงเป็นแค่ฝาครอบเพื่อความสวยงาม เพราะมันจะช่วยในการระบายความร้อนให้กับเม็ดแรมและชุดภาคจ่ายไฟบนตัวการ์ด ซึ่งจะส่งผ่านมาทางตัวเรือนที่เป้นอลูมิเนียมทั้งชิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับพัดลมกึ่งกลางการ์ดนั้น ส่วนนี้ผมเองก็เข้าใจดีว่าออกแบบมาสำหรับช่วยในการระบายความร้อนให้กับเม็ดแรมและภาคจ่ายไฟ แต่ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่า ทำไมออกแบบให้มีแต่ทางเข้าของอากาศแต่แทบจะไม่มีทางออกเลย ก็แปลกดีเหมือนกัน


สำหรับชุดระบายความร้อนหลัก หรือชุดระบายความร้อนสำหรับ GPU นั้นจะเลือกใช้ ชุดระบายความร้อนด้วยน้ำในลักษณะเดียวกันกับ ที่นิยมใช้งานบน CPU ในยุคนี้สำหรับชุดในแบบ All in One ซึ่งจากหน้าตานั้นก้บ่งบอกเลยว่าเป็นผลงานจากทาง ASTEK 100% โดยตัวฐานก็เป้นวัสดุทองแดงตามธรรมเนียม เพียงแต่ออกแบบมาให้มีสันตรงกลาง สำหรับให้สามารถใช้งานได้กับ AMD Tahiti GPUs ได้ เพราะว่า GPUs Tahiti นั้นจากมีบ่าด้านข้าง ที่สูงกว่า DIE อยู่เล็กน้อย

หม้อน้ำที่ใช้จะเป็นหม้อน้ำอลูมิเนียมในขนาด 120x120mm ส่วนความหนาจะอยุ่ที่ประมาณ 38mm สำหรับทางเดินน้ำ โดยมาพร้อมกับพัดลมในขนาด 120mm จำนวนสองตัว (ติดตั้งมาให้ทันที 1 ตัว) พัดลมทั้งสองตัวที่บนเดิลมาจะมีความเร็วรอบการทำงานสูงสุดประมาณ 1200rpm ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของความเงียบ ส่วนประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของชุดนี้กับ GPU 2 ตัวนั้นจะทำได้ดีเพียงไร ในช่วงท้ายเรามีคำตอบมาให้ชมกันแน่นอนครับ

Under The Cooler


ถ้าไม่แยกชิ้นส่วนก็ไม่ใช่ GamePC อีกซินะ งานนี้เราก็มีมาให้ชมกันเต็มๆแน่นอน สำหรับภาพนี้เป็นภาพจากเวบไซด์ผุ้ผลิต สำหรับภาพ Explode ที่จะให้เห็นกันชัดๆง่ายๆว่า ตัวการ์ดทั้งหมดประกอบไปด้วยกี่ส่วน

จากนั้นเรามาดุกันต่อที่ตัวจริงที่เราได้รื้อมาให้ชมกันจะจะ ซึ่งชิ้นส่วนใหญ่ๆหลักๆแล้วจะมีอยู่ 5 ชิ้นด้วยกันคือ ฝาครอบด้านหน้า, ตัวโครงยึดฝาครอบที่เป็นฮีตซิงก์เม็ดแรมและภาคจ่ายไฟในตัว, PCB และ Back Plate ส่วนอีกหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้กล่าวถึงตรงนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อนด้วยน้ำที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นนั่นเอง



สำหรับตัว PCB นั้นไม่บอกก็รู้แน่ๆว่า ASUS เป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งลักษณะของเลย์เอาท์นั้น เห็นครั้งแรกทำให้ผมนึกถึงการ์ดในลักษณะเดียวกันนี้จากทาง ASUS ขึ้นมาทันทีสำหรับการ์ดในตระกุล MARS ในรหัส MARS II ซึ่งตัวเลย์เอาท์หลักๆแล้วจะมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้งตำแหน่งในการวาง GPU, Pci express bridge chip และโดยเฉพาะกับชุดภาคจ่ายไฟ

สำหรับชิบตัวหลักที่เสมือนว่ามันคือพระเอกของงานนี้กับการ Crossfire on Board นั้นจะเป็นชิบยอดนิยมในยุค Pci Express 3.0 สำหรับ PLX PEX8747 ที่พร้อมรองรับ Pci-e 3.0 เต็มรูปแบบ


สำหรับชุดภาคจ่ายให้กับ GPU นั้นทาง ASUS ได้ออกแบบมาในแบบเดียวกันกับในโมเดล MATRIX 7970 คือใช้ภาคจ่ายไฟในแบบ Digi+ VRM ผนวกกับ Super Alloy Chock เช่นเดิม ในขนาด 8 เฟสต่อ GPU ส่วนภาคจ่ายไฟสำหรับเม็ดแรมนั้นจะมีขนาด 2 เฟสต่อ GPU และเมื่อพูดถึงเรื่องไฟๆตรงนี้ ผมก็เหลือบไปเห็นว่า ตัวการ์ดหรือ PCB นั้นทาง ASUS ได้ออกแบบพื้นที่สำหรับติดตั้งพอร์ทรับไฟเลี้ยงมาจริงๆถึง 4 ชุดด้วยกัน แต่สุดท้ายแล้วก็ติดตั้งมาให้เพียง 3 ชุดเท่านั้น

เม็ดแรม GDDR5 จำนวน 12 ตัวทั้งหมดจากทาง Hynix เจ้าเก่ายอดนิยมในรหัส H5GQ2H24AFR-R0C

Test Setup


System
Mainboard
ASRock Professional Z79 Fatal1ty
CPU
Intel Core i7 3960X @ 4.0GHz (Turbo Disable, C1E/EIST Enable)
CPU Cooler
DeepCool GAMMAXX 400
Memory
G.SKILL F3-17000CL9Q-16GBZHD
VGA
ASUS ARES II
HIS Radeon HD 7970 GHz Edition
nVidia Geforce GTX 680 2GB
Harddisk
Western Black 500GB
Optical Drive
ASUS DRW-1814BLT SATA
Power Supply
Thermaltake Toughpower 1500W

Software
Mainboard Bios
P1.3
VGA Driver
ATI Catalyst 13.2 Beta 7 (official Beta)
nVidia Forceware 314.14 beta (offial Beta)
OS
Windows 7 Ultimate 64bit SP 1

เย้...ๆ ถึงช่วงเวลาของการทดสอบเสียทีสำหรับ ARES II ซึ่งจะได้รุ้กันแล้วว่ามันจะแรงสักขนาดไหน สำหรับบบรรยากาศในการทดสอบนั้น ผมจะยังคงทดสอบภายใต้ห้องธรรมดา ร้อนๆไม่มีเครื่องปรับอากาศใดๆ ซึ่งในขฯะทดสอบอุณหภูมิในห้องจะอยุ่ที่ประมาณ 32C ซึ่งถือว่าเป็นช่วงมาตรฐานของภูมิอากาศบ้านเมืองเรา

AMD Catalyst Control Center




เรามาดูกันที่รายละเอียดของ AMD CCC กันสักนิดเกี่ยวกับการปรับแต่งพื้นฐาน ซึ่งการ์ดตัวนี้แม้ว่าจะเป็นการ์ดในแบบ Dual GPUs แต่ในการปรับแต่งการใช้งาน Crossfire นั้นจะยังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานได้เช่นเดียวกันกับ การใช้งาน Dual Card ทั่วๆไป ส่วนสเกลสำหรับปรับแต่งการโอเวอร์คล๊อกนั้นทาง ASUS ก็ยังคงใจดีจัดมาให้แบบเหลือๆทั้งความเร็ว GPU และ Memory โดยสเกลสูงสุดของ GPU จะอยุ่ที่ 1500MHz และ Memory ที่ 2000MHz (8000MHz effective) ส่วนค่า Power Control นั้นยังคงเป็นไปในสเต็ปมาตรฐานจากทาง AMD คือ +/- 20% อนึ่งสำหรับการปรับพัดลมนั้น จะเป็นการควบคุมรอบพัดลมบนตัวการ์ดเท่านั้น ซึ่งพัดลมที่ 100% จะมีรอบการทำงาสูงสุดประมาณ 4000rpm ส่วนพัดลมหม้อน้ำจะไม่สามารถควบคุมรอบหรืออ่านค่าความเร็วใดๆได้

GPUz


รายละเอียดจาก GPUz ของ ASUS ARES II จาก GPU ทั้งสองตัวบนการ์ด ซึ่งรายละเอียดพื้นฐานในทุกๆจุดนั้นเหมือนกันแต่มีจุดที่แตกต่างเล็กน้อยคือ เวอร์ชันของ Bios ที่ตั้งใจทำมาให้แตกต่างกันเพื่อจะสามารถแยกได้ว่าเป็น Bios ของ GPU ตัวใด สำหรับเรื่องของความเร็วในการทำงานนั้น ด้วยที่การ์ดตัวนี้เป็นการ์ดแบบ Dual GPU ถ้ามองกันที่การ์ดในแบบ Dual Card ในการใช้ Crossfire นั้น สำหรับการ์ดใบที่สองมันจะสามารถ Sleep หรือเข้าสู่โหมด AMD ZeroPower Core ได้ในภาวะ Idle แต่ทว่าสำหรับ ARES นั้น GPUs ตัวที่สองไม่สามารถเข้าสู่โหมด ZeroPower ได้จะทำได้ก็เพียง ทำงานด้วยความเร็วในสเต็ป 2D Mode เท่านั้น

ยกมาให้ชมกันสักเล็กน้อยสำหรับความแตกต่างระหว่าง ASUS ARES II(ซ้ายมือ) กับ AMD Radeon HD 7970 GHz Edition(ขวามือ) ที่วันนี้มันต้องมาดวลกันแน่ๆ ซึ่งจากสเป็คนั้น ARES II จะมีความได้เปรียบกว่าทั้งความเร็ว GPU และโดยเฉพาะ Memory ที่ทำงานสูงกว่าค่อนข้างมาก แต่ด้วยข้อจำกัดของการส่งผ่านข้อมูลผ่าน Pci-express 16x เพียงสล๊อตเดียวนั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพหรือไม่ จุดนี้ก้ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งอีกประเดี๋ยวเราก็จะได้ทราบกันแล้ว

ASUS GPU Tweak


น่าจะพอรุ้จักกันบ้างสำหรับหลายๆท่านและคงจะสนิดสนมกันดีสำหรับแฟนๆ ASUS สำหรับโปรแกรมโอเวอร์คล๊อก VGA Card จากทาง ASUS ในนาม GPU Tweak ซึ่งที่ยกมาให้ชมนั้นก็ต้องการจะให้ทราบว่า ความสามารถในการเพิ่มไฟเลี้ยงให้กับ GPU นั้นทาง ASUS อนุญาตให้ปรับแต่งได้มาสุดถึง 1.4V แต่เสียดายที่ไม่มีไฟเลี้ยงของ Memory มาให้ปรับเพิ่มด้วย

GPUz


สเป็คที่ใช้ในการทดสอบจะยังคงใช้สเป็คเดิมจากปี 2012 ที่ทดสอบมาโดยตลอด สำหรับ Intel Core i7 3960X ที่ความเร็ว 4GHz ปิดการทำงานของ Turbo Boot แต่จะยังเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน C1E, EIST ส่วนความเร็วของเมโมรีนั้นก็ยังเท่าเดิมเช่นกันคือตามสเป็คของแรมที่ใช้กับ Quad Channel DDR3-2133MHz CL9-11-9-28-2T
 

Test Reslts


System
Mainboard
ASRock Professional Z79 Fatal1ty
CPU
Intel Core i7 3960X @ 4.0GHz (Turbo Disable, C1E/EIST Enable)
CPU Cooler
DeepCool GAMMAXX 400
Memory
G.SKILL F3-17000CL9Q-16GBZHD
VGA
ASUS ARES II
HIS Radeon HD 7970 GHz Edition
nVidia Geforce GTX 680 2GB
Harddisk
Western Black 500GB
Optical Drive
ASUS DRW-1814BLT SATA
Power Supply
Thermaltake Toughpower 1500W

Software
Mainboard Bios
P1.3
VGA Driver
ATI Catalyst 13.2 Beta 7 (official Beta)
nVidia Forceware 314.14 beta (offial Beta)
OS
Windows 7 Ultimate 64bit SP 1

                 สำหรับรูปแบบในการทดสอบกราฟิกการ์ดนั้นก็จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในรายละเอียดจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเกือบ 100% คือในส่วนของเกมส์ทดสอบที่ในปีนี้ 2013 นั้นผมได้เปลี่ยนเกมส์ทดสอบใหม่เข้ามาและได้ตัดเกมส์เก่าๆออกไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในแต่ละช่วงเวลา สำหรับโปรแกรมทดสอบสำเร็จรูปอย่าง 3DMARK ก็ได้ทำการเพิ่ม 3DMARK (2013) เข้ามาอีกหนึ่งบททดสอบ ซึ่งหากเป็นการ์ดในระดับกลางสูงขึ้นไป ผมจะขอทดสอบเพียงในโหมด Fire Strike และ Fire Strike Extreme เท่านั้นส่วนอีกสองเวอร์ชันคือ 3DMARK 11 และ Vantage ก็จะทำการทดสอบเพียงในโหมด Extreme อย่างเดียวเช่นกัน ต่อมาในส่วนของการ์ดที่ร่วมทำการทดสอบกับ ASUS ARES II ในวันนี้ก็จะมีตัวเปรียบเทียบมาด้วยกันสองโมเดลคือ AMD Radeon HD 7970 GHz Edition และ nVidia Geforce GTX 680 ทั้งนี้ในโมเดล HD 7970 GE นั้นก็จะมีผลการทดสอบในโหมด Crossfire ทดสอบร่วมด้วย ซึ่งเราก็จะได้เห้นคำตอบกันชัดๆว่า ระหว่าง Dual GPU บน PCB เดียวและมีการโอเวอร์คล๊อกนั้น มันจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าการใช้ HD 7970 GE Crossfire หรือไม่ หากดีกว่าจะดีกว่ามากน้อยเพียงไร ส่วนที่น่าสนใจที่อาจจะถือว่าเป้นผลพลอยได้ของวันนี้ก็คือมวยรองระหว่าง HD 7970 GE vs GTX 680 ที่ได้โอกาสทดสอบใหม่บน Driver ใหม่ๆ และเกมส์ใหม่ๆมาให้ชมกันทีเดียวเลยอีกด้วย ก็ลองมาดุกันนะครับว่าผลของทั้งหมดในวันนี้จะออกมาในรูปใด ทั้งมวยคู่เอก ASUS ARES II vs HD7970 GE Crossfire และมวยคู่รอง

3DMARK Fire Strike




3DMARK Fire Strike Extreme




3DMARK 11 - Extreme Preset




3DMARK Vantage - Extreme Preset




สำหรับผลทดสอบจาก 3DMARK ทั้งสามเวอร์ชันนั้น ผลของ ASUS ARES II ก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในระดับที่ทัดเทียมกันคือ มันมีความสามารถเหนือกว่า HD7970 GE CF ประมาณ 5-6% ในทุกๆการทดสอบและหากเทียบกับผลของ HD7970 GE เดี่ยวๆแล้วนั้นแรงขึ้นกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว ส่วนมวยคุ่รองนี่รับชมและวิจารย์กันเองแล้วกันนะครับ ^^

Gaming Performance


Crysis 3 - DirectX 11


เกมพันธ์โหดสำหรับสเป็คพันธ์ดุแห่งยุคอย่าง Crysis 3 ทีกำลังเป็นกระแสร้อนแรง แม้แต่ผมเองยังติด เหอะๆ งานนี้ ARES II แสดงพลังออกมาได้อย่างน่าเกรมขามจริงๆ โดยให้ผลเฉลี่ยที่เหนือกว่า HD7970 GE CF ประมาณ 5%

Battlefield 3 - DirectX 11



Tomb Raider 2013 - DirectX 11 : TressFX Off (Normal)


Tomb Raider 2013 - DirectX 11 : TressFX On



สำหรับอีกหนึ่งเกมล่าสุดอย่าง Tomb Raider 2013 นั้นในโหมดของการไม่ใช้งาน TressFX นั้น ARES II ก็ยังสามารถรีดความแรงออกมาได้เหนือกว่า HD7970 GE CF ประมาณ 5% เช่นเดิม (คงเส้นคงวา) แต่เมื่อมีการเปิดใช้งานในโหมด TressFX แล้วผลงานก้แผ่วลงมาพอสมควร ซึ่งเฟรมเรตเฉลี่ยนั้นห่างกันเพียง 2FPS เท่านั้น กับความแตกต่างระดับนี้อาจจะถือว่าไม่ต่างกันก็ยังพอได้อยู่

Crysis 2 - DirectX 11


แม้จะเป็นเกมที่เก่าแต่ยังเก๋าไม่เลิกสำหรับ Crysis 2 แต่ ARES II ก็ยังสามารถเฉือนชนะ 7970GE CF ไปได้ประมาณ 4%

Sniper Elite v2 - DirectX 11



Sleeping Dogs - DirectX 11



Sleeping Dogs ที่ถูกมองว่าเป็นเกมหนึ่งที่รับประทานสเป็คมากพอสมควร แต่มาเจอเข้ากับ ARES II แล้วก็ กลายเป้นเด็กๆไปเลย เพราะสามารถเห็นเฟรมเฉลี่ยได้ในระดับ 100FPS+ ส่วนต่ำสุดก็ไม่น่าเกลียดนักในระดับ 48FPS


F1 2012 - DirectX 11





Dirt 3 - DirectX 11





Alien vs Predator - DirectX 11





Grand Theft Auto IV (GTA4) - DirectX 9





ResidentEvil VI - DirectX 9




Power Consumption
                 จากความแรงที่ได้คำตอบกันชัดๆไปแล้วว่า ASUS ARES II นั้นทำผลงานได้ดีเพียงไร ตรงจุดนี้ก็มาดูกันที่เรื่องของอัตราการบริโภคพลังงานกันดูบ้าง ซึ่งมันก็ยังไปในทิศทางเดียวกันกับความแรงที่ว่า แรงกว่ากินไฟมากกว่าซึ่ง ASUS ARES II นั้นใช้พลังงานมากกว่า HD7970 GE CF มากถึง 61W หรือคิดเป็นเปอร์เซนต์ก็ประมาณ 9% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความแรงโดยเฉลี่ยที่เหนือกว่าประมาณ 5% นั้นก็อาจจะมองได้ว่า ไม่สมดุลมากนัก แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมด้วยว่า ชุดระบายความร้อนที่ใช้นั้นก็มีส่วนทำให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน อนึ่งสำหรับอัตราการใช้พลังงานในส่วนนี้ เป็นการวัดจากทั้งระบบยกเว้นจอภาพ แต่จะวัดกันในช่วงที่ให้ GPU Full Load เท่านั้น ดังนั้นหากจะประเมินว่าเพียง GPU กินไฟเพียวๆประมาณไหน ก็ให้นำค่าสูงสุด ลบด้วยค่าในช่วง Idle ก็จะได้ค่าประมาณว่า GPU เพียวๆมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่จากช่วง Idle ซึ่งก็คืออัตราการใช้พลังงานของการ์ดนั่นเอง


Working Temperature



                 สำหรับอุณหภูมิการทำงานของตัวการ์ดหรือ GPU นั้นนับว่าทำได้ไม่ผิดหวังที่ให้มาในแบบ Water Cooling ซึ่งชุดระบายความร้อนด้วยน้ำชุดนี้ก้ทำผลงานออกมาได้ดี ทั้งในช่วงภาวะ Idle และ Full Load โดยในช่วง Idle ก็สามารถรักษาอุณหภูมิไว้ได้ในช่วงประมาณ 38-39C ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิแวดล้อมเพียง 5-6C เท่านั้น และสำหรับในช่วง Full Load นั้นมีระดับสุงสุดเพียง 68C นับว่าน่าสนใจมาก เพราะนี่เป็นการทดสอบกันในแบบห้องร้อนๆ แล้วหากใช้งานในห้องแอร์ ก็น่าจะได้เห็นอุณหภูมิที่ลดลงไปได้อีกประมาณ 5C


Overclocking Performance



3DMARK (2013) Benchmark - 1270/1700MHz







ความสามารถในการโอเวอร์คล๊อกที่วันนี้ผมขอแยกออกสองส่วนแล้วกันคือ ในการ Benchmark และใช้งานจริง สำหรับในช่วง Benchmark จะเป็นการแสดงความสามารถของตัวการ์ดว่าไปได้ไกลสุดประมาณไหน ซึ่งวันนี้คงต้องบอกว่า ASUS ARES II ทำได้อย่างน่าประทับใจเพราะมันสามารถทำได้เกือบๆแตะ 1300MHz เลยทีเดียวสำหรับความเร็ว GPU ที่มาจอดอยุ่ที่ 1270MHz แต่ทว่าหากเป็นห้องแอร์ผมว่า 1300MHz นี่ไม่น่าพลาด เพราะที่ผมลองเล่นมันก็ทดสอบได้สักพักหนึ่ง แล้วภาพก็เริ่มกระพริบๆ ก็เลยไม่ทดสอบต่อ


Crysis 3 - 1250/1700MHz



ส่วนความเร็วที่สามารถใช้งานได้จริงนั้น ผมก็ลองด้วยการนั่งกด Crysis 3 ไปร่วมๆชั่วโมง (ได้การ์ดแรมมาก็ใช้ให้คุ้มสักหน่อย) ที่ความเร็ว 1250MHz ซึ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆ และความแรงที่ได้เพิ่มขึ้นมานั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจนจากเดิมๆของมัน โดยเราได้เฟรมเรตเพิ่มมาประมาณ 5FPS หรือถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์ก็ประมาณ 8-9% ก็ถือว่าสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


Conclusion



                  วันนี้ผมคงจะขอสรุปแบบไม่ยืดยาวแล้วล่ะ (เมื่อนิ้วซะแล้ว เหอๆ) สำหรับเรื่องราวของ ASUS ARES II ตัวนี้ หลังจากที่ได้ขลุกอยุ่กับมันเกือบๆ 1 สัปดาห์นั้น เบื้องต้นจากผลการทดสอบก็เป็นที่ชัดเจนว่า แรงจริง อะไรจริง กับความเป็นการ์ด Dual GPU บน PCB เดียว ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความสามารถในการรีดพลังที่ออกมาได้อย่างหมดจด แตกต่างไปจากในอดีตที่ผ่านๆมา สำหรับการ์ดในลักษณะเดียวกันนี้ที่มักจะตกเป็นรองการใช้การ์ดในแบบ Dual Card, Dual GPU เสมอแม้เราจะทำการโอเวอร์คล๊อกให้มีความเร็วเท่ากันก็ตาม ในจุดนี้ผมมองได้สองถึงสามสาเหตุคือ อย่างแรกกับยุคสมัยที่ Pci-Express เป็น Gen 3 ที่มันมีแบนด์วิดท์เหลือเฟือแล้วจึงทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างเพียงพอ จุดที่สองคือชิบ Pci express Bridge ที่เป็น Gen 3 เช่นเดียวกันจึงทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่าง GPU ทั้งสองตัวเป็นไปได้อย่างเพียงพอ สุดท้ายกับการใส่ใจในการออกแบบของทีมวิศวกร ASUS ที่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆก็ว่าได้ สำหรับในเรื่องต่อมาจะขอกล่าวถึงเรื่องของอุณหภูมิการทำงานที่เห้นกันแล้วว่า GPU ทั้งสองตัวนั้นทำงานแบบสบายตัว เย็นฉ่ำ แต่ที่น่าสังเกตคือ อุณหภูมิของตัวการ์ด(Body) ซึ่งมีอยุ่วันหนึ่ง ผมได้นั่งเล่นเกม Crysis 3 ต่อเนื่อง 2-3ชั่วโมงและผมก็ลองเอามือจับตัวการ์ดดู ผลคือร้อนมากร้อนจนน่ากลัว แม้ว่ามันจะมีพัดลมช่วยแล้วก็ตาม และก็ตามที่ผมได้กล่าวไปในช่วงต้นกับจุดนี้ว่า ได้ออกแบบให้มีพัดลมมา แต่มีเพียงทางเข้าของอากาศและไม่มีทางออก ดังนั้นอากาศร้อนก้อบอวนอยุ่ภายใน อากาศเย็นที่จะเข้าใหม่ก็เข้าได้ช้า จึงทำให้ไม่แปลกเลยที่ตัวการ์ดจะร้อนเองมากๆ ส่วนในจุดอื่นๆคงไม่มีอะไรจะทักท้วงแล้วล่ะครับ

                  สุดท้ายตรงนี้ขอกล่าวในแบบภาพรวมว่า ASUS ARES II นั้นคงจะสามารถเป็นคำตอบให้กับคำว่า " กราฟิกการ์ดแบบใบเดียว ที่แรงที่สุดในเวลานี้ " แต่ทว่าหากจะถามถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุแล้วนั้น มันคุ้มค่าหรือไม่ สำหรับผมนั้นจะมองได้สองรูปแบบคือ หากต้องการความเป็นเอกลักษณ์ ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ต้องการความเป็น Limited Edition ที่มีให้ได้เป็นเจ้าของเพียง 1000 ชิ้นทั่วโลกนั้น ถ้ามองในมุมนี้คุ้มค่าน่นอนสำหรับ ARES II แต่ถ้าเราไม่ได้ต้องการในจุดที่กล่าวไป แต่ต้องการเพียงความแรงในการใช้งานเพียงอย่างเดียว ในมุมมนี้แน่นอนว่าเลือกใช้ HD 7970 GE สองใบเป็นคำตอบ เพราะด้วยราคาที่น้อยกว่าเกือบครึ่งแต่มีความแรงความสามารถที่เป็นรองเพียงเล็กน้อย ดังนั้นแล้วก็ลองชั่งใจดุแล้วกันนะครับว่า จะเลือกมองกันในมุมใด ทิ้งท้ายสักนิดว่า... ถ้าถามผมแบบส่วนตัวลึกๆนั้น ถ้าไม่ขัดสน ไม่เดือดร้อน มีรายได้เหลือเฟือ ผมก็เลือก ARES II นะครับ เพราะมันมีมนต์ขลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ^^


ASUS ARES II
Special Thanks : ASUSTek Inc.